Samsung Galaxy Note 5

สำหรับ Samsung Galaxy Note 5 นั้น ถึงแม้ว่า จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ดูสวยหรูขึ้น และพรีเมียมขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่อาจจะไม่ถูกใจผู้ใช้ นั่นก็คือ ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card, เปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้ อีกทั้ง แบตเตอรี่ยังมีความจุน้อยกว่า Samsung Galaxy Note 4 เสียอีก ซึ่งปกติ ผู้ใช้ Samsung Galaxy Note 4 มักจะมีปัญหาแบตเตอรี่ไม่พอใช้อยู่แล้ว ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ ความละเอียดระดับ QHD ยิ่งเป็นตัวการหลักที่สูบแบตเตอรี่ไปใช้มากพอสมควร

ฉะนั้น การเปิดตัว Samsung Galaxy Note5 ในครั้งนี้ ผู้ใช้หลายราย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางซัมซุง จะเพิ่มความจุของแบตเตอรี่มาให้อีก แต่สุดท้ายกลับปรับลดความจุลง จากเดิม 3220 mAh บน Samsung Galaxy Note 4 เหลือ 3000 mAh บน Samsung Galaxy Note 5 ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์ phonearena จึงได้ทำการทดสอบ แบตเตอรี่ระหว่าง Samsung Galaxy Note 5 เปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy Note 4 และสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ให้ชมกันว่า Samsung Galaxy Note 5 จะอึดมากกว่า Galaxy Note 4 มากน้อยแค่ไหน

โดยจากภาพข้างต้น จะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy Note 5 นั้น ถึงแม้จะมีความจุแบตเตอรี่น้อยกว่า Samsung Galaxy Note 4 แต่ในเรื่องของความอึดนั้น ถือว่า ทำได้ดีกว่ามาก โดยสามารถใช้งานได้ 9 ชั่วโมง 11 นาที ในขณะที่ Samsung Galaxy Note 4 ทำได้ 8 ชั่วโมง 43 นาที รวมไปถึงระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม Samsung Galaxy Note 5 ก็ทำได้ดีอีกเช่นกัน งานนี้ ใครที่จะตัดสินใจซื้อ Samsung Galaxy Note 5 น่าจะหมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่ไปได้เลยครับ - phonearena.com

พรีวิว Samsung Galaxy Note5 โดยทีมงาน techmoblog มาแล้ว!

ถ้าหากพูดถึง แฟบเล็ต (Phablet) ที่ดีที่สุด หนึ่งในนั้น จะต้องมีชื่อสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy Note กันอย่างแน่นอน ซึ่งล่าสุด ทาง ซัมซุง ประเทศไทย ก็ได้เผยโฉม Samsung Galaxy Note5 อย่างเป็นทางการ ซึ่งรุ่นนี้ คือรุ่นสานต่อของ Samsung Galaxy Note 4 ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่ผ่านมานั่นเอง โดยในวันนี้ นับว่า เป็นฤกษ์งามยามดี ที่ทางทีมงาน techmoblog ได้ไปสัมผัส Samsung Galaxy Note5 ตัวเครื่องจริงมาแล้ว ในงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชน จึงไม่พลาดที่จะเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ มาฝากกัน กับ พรีวิว Samsung Galaxy Note5 โดยทีมงาน techmoblog ครับ

สำหรับความเปลี่ยนแปลงหลักๆ บน Samsung Galaxy Note 5 นั้น ก็คงจะเป็นเรื่อง ดีไซน์ ที่ได้ถอดแบบมาจาก Samsung Galaxy S6 โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องแบบโลหะทั้งหมด ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง แตกต่างจาก Samsung Galaxy Note 4 รุ่นเดิม ที่ฝาด้านหลังจะเป็นพื้นผิวแบบ Soft-Textured ที่ดูเหมือนหนังเทียม

โดย Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับขนาดตัวเครื่อง 153.2 x 76.1 x 7.6 มม. และหนัก 171 กรัม, หน้าจอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display ความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล (QHD) และรองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home

ส่วนดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note5 นั้น ด้านหน้า จะเหมือนกับ Samsung Galaxy S6 โดยเป็นหน้าจอลักษณะแบนเรียบ ส่วนด้านหลัง จะมีความโค้งมนเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยทำให้จับได้ถนัดและกระชับมือมากขึ้น ถึงแม้ว่า ตัวเครื่องจะมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 5.7 นิ้วก็ตาม

โดย Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และรูรับแสงกว้าง F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง นอกจากนี้ ยังมี Heart Rate Sensor วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ด้านหลังตัวเครื่อง ตรงตำแหน่งไฟแฟลชอีกด้วย

มาดูกันที่ขอบด้านข้างตัวเครื่องกันบ้าง โดยด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนรอบข้าง และถาดใส่ซิมการ์ด ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ช่องหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ต microUSB, ลำโพงเสียง และไมโครโฟนตัวหลักสำหรับสนทนา ส่วนขวาสุด เป็นปากกา S Pen Stylus

สำหรับปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Note5 นั้น นอกจากจะมีไว้ใช้ขีดเขียนแล้ว ยังได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ ด้วยหัวปากกา ที่สามารถคลิกเพื่อเข้าฟังก์ชันโปรด นอกจากนี้ ยังสามารถจดโน้ตบน Samsung Galaxy Note5 ได้ทันที แม้ว่าหน้าจอจะยังดับอยู่ เพียงแค่ดึงปากกาออกมา เรียกได้ว่า สะดวกมากขึ้นกว่าเดิมครับ

อุปกรณ์พื้นฐานภายในกล่อง ประกอบด้วย หูฟัง, สาย data สำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรือชาร์จแบตเตอรี่, Adapter, คู่มือการใช้งาน และเข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note5 vs Samsung Galaxy Note 4

สำหรับความแตกต่างระหว่าง Samsung Galaxy Note5 และ Samsung Galaxy Note 4 มีทั้งหมดหลายส่วนด้วยกัน โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Super AMOLED Display ความละเอียด 2560 x 1440 พิกเซล (QHD) แต่จากรูปจะเห็นได้ว่า Samsung Galaxy Note 5 มีความเพรียวบางกว่า ซึ่งขนาดของ Samsung Galaxy Note 4 อยู่ที่ 153.5 x 78.6 x 8.5 มม. ส่วนขนาดของ Samsung Galaxy Note5 อยู่ที่ 153.2 x 76.1 x 7.6 มม. บางกว่ามากเลยทีเดียว

ด้านหลังของ Samsung Galaxy Note 4 นั้น จะเป็นพื้นผิวแบบ Soft-Textured ที่ดูเหมือนหนังเทียม ส่วน Samsung Galaxy Note5 จะเป็นตัวเครื่องแบบโลหะ ให้ลุคพรีเมียม และมีความโค้งที่ขอบตัวเครื่องทั้ง 2 ด้าน อีกทั้งตำแหน่งของไฟแฟลช และ Heart Rate Sensor ก็อยู่สลับกันด้วย นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 4 สามารถถอดแกะฝาหลังได้ รองรับ microSD Card ส่วน Samsung Galaxy Note5 ไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้ และไม่รองรับ microSD Card อีกด้วย

สำหรับด้านขวา และด้านซ้ายของตัวเครื่อง ยังคงคล้ายกัน โดยประกอบด้วย ปุ่ม Power ที่ด้านขวา และปุ่มปรับระดับเสียงที่ด้านซ้าย แต่ Samsung Galaxy Note5 จะมีความเพรียวบางกว่า

ด้านบนของตัวเครื่อง เริ่มมองเห็นความแตกต่างกันบ้างแล้ว อย่างเช่น ช่องสำหรับหูฟังบน Samsung Galaxy Note 5 ย้ายไปอยู่ด้านล่าง, เปลี่ยนตำแหน่งของช่องใส่ซิมการ์ดมาไว้ด้านบนตัวเครื่องแทน เนื่องจากไม่สามารถถอดแกะฝาหลังได้นั่นเอง ส่วนลำโพงเสียงบน Samsung Galaxy Note5 อยู่ที่ด้านล่างตัวเครื่องเช่นกัน (Galaxy Note 4 อยู่ด้านหลัง) และสุดท้ายปากกา S Pen ยังคงอยู่ที่ตำแหน่งเดิม

เปรียบเทียบปากกา S Pen ของทั้ง 2 รุ่นครับ จะเห็นได้ว่า ดีไซน์แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ ความรู้สึกในการใช้งานเหมือนกำลังใช้ปากกาจริง นอกจากนี้ ปากกา S Pen บน Samsung Galaxy Note5 ยังมีลูกเล่นมากกว่าอีกด้วย

อินเทอร์เฟส และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ บน Samsung Galaxy Note5

Samsung Galaxy Note5 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 (Lollipop) พร้อมกับ TouchWiz เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

หน้า App Drawer บน Samsung Galaxy Note5 ครับ จะเห็นได้ว่า ไอคอนแอปฯ มีดีไซน์ที่เปลี่ยนไป โค้งมนเล็กน้อย

Notification Center แถบแจ้งเตือนการใช้งาน

ตั้งค่าการใช้งานของปากกา S Pen

ตั้งค่าลายนิ้วมือ สำหรับสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกตัวเครื่อง หรือทำธุรกรรมต่างๆ

รองรับแอปพลิเคชันชื่อดังจาก ไมโครซอฟท์ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Excel, PowerPoint, OneNote, OneDrive รวมไปถึงแอปพลิเคชันสำหรับขาแชทอย่าง Skype อีกด้วย

ฟีเจอร์ใหม่บนปากกา S Pen ครับ เพียงแค่ดึงปากกา S Pen ออกมา ก็สามารถจดบันทึกบนหน้าจอได้เลยทันที ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกหน้าจอเหมือนแต่ก่อน

Smart Select เป็นการ crop หน้าจอแล้วเก็บภาพไว้ โดยสามารถเลือกเก็บกี่ภาพก็ได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ มีประโยชน์ตรงที่เวลาเจอข้อมูลสำคัญๆ บนหน้าเว็บไซต์ ก็สามารถ crop เพื่อเก็บไว้ จะได้ไม่ต้องสลับหน้าไปมานั่นเอง

ทดสอบ Benchmark ด้วยโปรแกรม AnTuTu เสียหน่อย โดย Samsung Galaxy Note5 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7420 แบบ Octa-Core Processor ซึ่งประกอบด้วย หน่วยประมวลผลแบบ Quad-Core Processor ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Processor ความเร็ว 1.5 GHz พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB ซึ่งสามารถวัดได้ถึง 69956 คะแนนเลยทีเดียวครับ

มากันที่กล้องถ่ายรูปกันบ้างครับ โดย Samsung Galaxy Note 5 มาพร้อมกับกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องด้านหลัง ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง F/1.9 ทั้งกล้องด้านหน้าและหลัง ทำให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ ยังมาพรั้อมกับโหมดการถ่ายภาพให้เลือกมากมาย และฟิลเตอร์ภาพถ่ายต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้น กล้องด้านหลัง ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี OIS ทำให้สามารถถ่ายภาพได้นิ่ง และคมชัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

สรุปการใช้งานเบื้องต้น

หลังจากที่ทางทีมงานได้มีโอกาส สัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Note 5 ตัวจริงเสียงจริงเป็นครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่สามารถมองเห็น และสัมผัสได้อย่างชัดเจนก็คือ การออกแบบดีไซน์ที่ดีขึ้น ดูพรีเมียมมากขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่เปิดตัว Samsung Galaxy Alpha เป็นต้นมา ทางซัมซุง เริ่มให้ความสำคัญกับการออกแบบ และวัสดุที่ใช้มากกว่าเดิม

และเช่นเดียวกับ Samsung Galaxy Note5 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูพรีเมียม และแข็งแรงเป็นพิเศษ, มีการพัฒนาในเรื่องของการใช้งานปากกา S Pen ให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลดเวลาการใช้งาน ด้วยคุณสมบัติในการขีดเขียนหน้าจอได้ทันทีเมื่อดึงปากกาออกมา ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกหน้าจอก่อน รวมไปถึงคุณสมบัติในด้านต่างๆ ก็ถูกอัปเกรดให้ดีขึ้นหลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่เร็วและแรงมากขึ้น, เพิ่มหน่วยความจำ RAM เป็นขนาด 4 GB, ปรับความละเอียดของกล้องด้านหน้า อยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล รวมไปถึงเทคโนโลยี Fast Charging ชาร์จแบตได้เร็วขึ้น จาก 0% เป็น 100% ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น และอื่นๆ อีกมากมาย

ขอบคุณ ที่มา http://www.techmoblog.com/samsung-galaxy-note-5/