เครื่องมือสำหรับการขายสินค้าออนไลน์
ปัจจุบันนี้ นอกเหนือจาก "เว็บไซต์ ที่ใช้สำหรับการเป็นหน้า้ร้านออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเลือกดูและสั่งซื้อสินค้าต่าง ๆ แล้ว ยังมีเครื่องมือต่าง ๆ อีกมากมาย ที่เราสามารถนำมาใช้ในการช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้คนเห็นสินค้า หรือคลิกเข้ามาดูสินค้าในเว็บร้านค้าของเรามากขึ้น
เครื่องมือต่าง ๆ เหล่านี้ บางอย่างก็มีค่าใช้จ่าย บางอย่างก็ไม่มีค่าใช้จ่าย ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่เราเลือกใช้
แต่หลัก ๆ แล้ว เครื่องมือเหล่านี้ ก็ถือเป็นช่องทางอย่างนึงในการทำการตลาดออนไลน์
ตามหลักการตลาดแล้ว เราควรที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่จะสามารถสื่อสารโฆษณาของเรา ไปให้ถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลองมาดูเครื่องมือต่าง ๆ ที่ปัจจุบันผู้ที่นิยมขายสินค้าบนเว็บมักนำมาใช้กัน มีอะไรบ้าง?
1. เว็บไซต์ (Website)
เว็บไซต์ คือสื่อออนไลน์ที่มีมานาน และปัจจุบันก็มีการพัฒนารูปแบบให้มีความสามารถในการแสดงเนื้อหาบนเว็บได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น บวกกับความเร็วของอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันที่เร็วมากยิ่งขึ้น และสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ ก็ยิ่งทำให้การใช้งานเว็บแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันนี้ มีผู้พัฒนาระบบเว็บสำเร็จรูปขึ้นมามากมาย เพื่อให้ผู้ใช้งา่นที่เขียนเว็บไม่เป็น สามารถเลือกใช้งานระบบเว็บต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น หรือถ้าใครพอจะเขียนเว็บเป็น แล้วมาใช้เครื่องมือเหล่านี้ ก็ยิ่งทำให้การใช้งานในเรื่องของการใส่เนื้อหาของเว็บ ทำได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
2. การโฆษณาผ่านเว็บหรือสื่อโฆษณาออนไลน์ (Online Advertising)
การโฆษณาผ่านเว็บ เช่นการที่เราไปลงโฆษณาในเว็บไซต์ดังต่าง ๆ ซึ่งก็มีทั้งแบบฟรี หรือแบบเสียเงิน ซึ่งสื่อโฆษณาออนไลน์ในยุคนี้ มีการแข่งขันสูง เปรียบเทียบกับสมัยก่อนที่จะมีผู้ให้บริการเพียงไม่กี่จ้าว ที่พยายามทำเว็บท่าขึ้นมา นำเสนอข่าวสาร และแบ่งตำแหน่งแบนเนอร์บนหน้าเว็บ เพื่อให้คนมาลงโฆษณา แต่ในยุคปัจจุบัน การโฆษณาบนเว็บ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปมาก เช่น ผู้ให้บริการอาจจะไปติดต่อกับเว็บไซต์หลาย ๆ เว็บให้เป็นพันธมิตร นำโปรแกรมแสดงโฆษณาไปแปะในเว็บ และเมื่อมีคนมาลงโฆษณา โฆษณาเหล่านั้นก็จะถูกกระจายไปแสดงยังเว็บไซต์ต่าง ๆ
3. สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Marketing)
สื่อสังคมออนไลน์ที่น่าสนใจ ในปัจจุบันมีค่อนข้างมาก แต่หลัก ๆ แล้วที่คนไทยและต่างประเทศนิยมใช้ คงเป็นสื่อต่อไปนี้คือ Facebook, Google+, Pinterest, Twitter, LinkedIn, Reddit ซึ่งก็ถือเป็นช่องทางหนึ่งในการกระจายข่าวสารการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี
4. การโฆษณาด้วยอีเมล์ (Email Marketing)
การแจ้งอีเมล์ข่าวสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งข่าวสารเหล่านี้ ควรจะเป็นข่าวสารที่น่าสนใจ และดึงดูดให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย สนใจ และคลิกเข้ามาดูโฆษณา เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของคุณให้มากยิ่งขึ้น
5. การโฆษณาบนเว็บค้นหาข้อมูล (SearchEngine Marketing)
เว็บค้นหาข้อมูล (Web Search Engine) คือแหล่งที่จะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของธุึรกิจมากที่สุด เพราะคนที่ค้นหาข้อมูล ก็ต้องการที่จะเจอกับสินค้า หรือบริการที่ตนเองสนใจ และถ้าเว็บของเรา มีโอกาสถูกค้นหาได้ในหน้าแรก ๆ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของคุณให้มากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้เว็บค้นหาข้อมูลดัง ๆ อย่าง google ก็มีโฆษณาตำแหน่งพิเศษ เอาไว้สำหรับให้ผู้ที่สนใจ สามารถมาลงโฆษณาในตำแหน่งพิเศษเหล่านั้น เพียงแต่อัตราค่าโฆษณา จะเป็นการคิดต่อการ "คลิกเข้าไปดูโฆษณา" ในแต่ละครั้ง ดังนั้นถ้ายิ่งมีคนคลิกที่โฆษณามาก ก็ยิ่งมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณามากยิ่งขึ้น ซึ่งคนที่จะลงโฆษณานั้น ควรจะวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าของคนที่จะคลิกเข้ามา เมื่อเปรียบเทียบรายได้กับค่าใช้จ่ายแล้ว คุ้มค่าหรือไม่ ก่อนตัดสินใจโฆษณา
6. การโฆษณาด้วยวีดีโอ (Video Marketing)
สื่อโฆษณาด้วยวีดีโอในยุคปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นการโฆษณาบน Youtube.Com ซึ่งเป็นเว็บที่ให้บริการดูวีดีโอขนาดใหญ่ และให้บริการดูวีดีโอได้หลากหลายรูปแบบ
หลาย ๆ คนรู้จัก youtube หรือวีดีโอบน Facebook และสื่อโฆษณาด้วยวีดีโอต่าง ๆ ซึ่งการโฆษณาด้วยวีดีโอนั้น จำเป็นต้องทำวีดีโอที่ดึงดูดความสนใจให้มากที่สุด เพราะคนที่เห็นโฆษณาส่วนใหญ่ มักจะไม่ได้ตั้งใจที่จะดูโฆษณาต่าง ๆ เหล่านั้น แต่จำใจโดนบังคับให้ดู ซึ่งถ้าโฆษณานั้นไม่น่าสนใจ คนที่ดูคลิปวีดีโอ ก็จะกดข้ามโฆษณานั้น ๆ ไปในทันที
7. การโฆษณาผ่านแอพมือถือ (Mobile Marketing)
"แอพ" หรือโปรแกรมที่ใช้งานบนมือถือ ก็สามารถใช้ในการโฆษณาได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่นผู้ที่พัฒนาโปรแกรมสำหรับเล่นเกมส์ต่าง ๆ ก็มักจะแฝงโฆษณาไปกับแอฟที่ให้คนโหลดไปเล่นฟรี ๆ
หากต้องการใช้แอฟเป็นสื่อในการโฆษณา คุณจำเป็นต้องวิเคราะห์ถึง ความต้องการของผู้คนและต้นทุนในการพัฒนาแอพ
นอกจากนี้ยังมี social - app ต่าง ๆ ให้ใช้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องพัฒนาระบบใด ๆ เลย เช่น Line, Instagram
การลงโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ในปัจจุบัน จะต้องเลือกใช้บริการให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจของคุณ เพราะถ้าเลือกใช้สื่อโฆษณาที่ไม่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ก็ทำให้เสียเงินและเวลาในการโฆษณาไปฟรี ๆ เช่นกัน
ในบทความต่อ ๆ ไป จะเขียนแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับสื่อโฆษณาต่าง ๆ เหล่านี้ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อใช้ในการศึกษาเพิ่มเติม และเข้าใจมากขึ้นในเชิงการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจ